"เรากำลังจะตาย"..ผมคิดเช่นนี้บ่อยๆเท่าที่จะทำได้ เพราะมันคือนิยามในการใช้ชีวิตของผม
เมื่อ สามปีก่อน ผมประกอบอาชีพครู สร้างลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งภาคตะวันออก และภาคใต้ ความกลัว กำลังพาผมเข้าไปสู่ห้วงวัฏจักรสังคมที่ได้ชื่อว่าเห็นแก่ตัว กลัวน้อยหน้า กลัวไม่มีศักดิ์ศรี กลัวสารพัดกลัว
ก่อนที่ผมจะอำลาชุดกากี ซึ่งเป็นชุดที่มีแต่ความกลัว...ผมหยิบชุดขึ้นมาดูวิเคราะห์ ผมได้ยินเสียงความเสียใจของแม่ ผมได้ยินเสียงคำดูถูก คำสมน้ำหน้า ของคนรอบข้าง และที่สำคัญ ผมได้ยินเสียง "ความกลัว" ในหัวใจผมอย่างชัดเจนที่สุด
รุ่งเช้า ผมตัดสินใจบอกว่า "ผมต้องกำหนดชีวิตตัวของเราเองได้ คนอื่นไม่มีสิทธิ" 8:00 น.เช้าตรู่ผมร่างหนังสือลาออกใส่ในแฟ้มเสนอเซนต์เป็นที่เรียบร้อย...อนาคตมันขึ้นอยู่กับกระดาษสองแผ่นนี้...อยู่ที่ผมจะเลือกเดิน
ครุ่นคิดอยู่นาน กว่ารองผู้อำนวยการซึ่งรักษาการแทนเข้ามาเซนต์ชื่อรับรองเพื่อเสนอต่อ ผู้อำนวยการ
นึกภาพออกไหมครับ เงินเดือน 18,000 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กับ ตัวตนของเราซึ่งไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม
เอาแล้วไง เริ่มสั่น ไปไม่ถูก เคว้งคว้าง...และเราถอยกลับไม่ได้แล้ว
อาทิตย์แรกนอนไม่หลับ สองอาทิตยืผ่านไปเข้าไปดูเว็ปไซต์ของสถานศึกษาเดิมที่เคยสังกัดทุกคนดำเนินงานปกติ...แต่ในภาพบรรยากาศกิจกรรมงานโครงการต่างๆ ของสถานศึกษา ไม่มีภาพเราร่วมด้วยอีกแล้ว "เหงา" วิ่งเข้าใส่อย่างจัง
ตัดสินใจหอบผ้าลงใต้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดในจังหวัดนครศรีธรรมราช กับเงินเก็บก้อนสุดท้ายซึ่งร่อยหรอลงทุกวัน
กลับบ้านไปได้เดือนนึงก็พบกับโครงการ "คนกล้าคืนถิ่น" จากการหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต อาจจะเป็นดวงมั้งที่ไปเจอเข้าเรื่องการรับสมัครคนกล้า...
ผมเป็นรุ่นทดลองของโครงการ และโครงการก็เป็นเครื่องมือทดลองของผม
ที่บ่มเพาะคนกล้าเราต่างคนต่างที่มา แต่ความสุขเกิดขึ้นเพราะเรามารวมตัวกัน
หลังจากอบรมเสร็จเครือข่ายเรามีพลังมากสอบถามสารทุกข์สุกดิบไปมาหาสู่กัน พลังผมพุ่งพล่านเลือดสูบฉีด ...กลับบ้านไปไม่รีรอ...บุกป่าฝ่าดงจากสวนผสมที่มีอยู่น้อยนิด.....กะว่าจะทำนั่นนี่โน่น...เช้ามา "เดินเข้าป่า" จนคนแถวนั้นบอกว่าผมบ้า..เรียนจบมางานก็มี ลาออกมาทำสวน....
ลงแรงไปได้สักพัก...สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พลังหมด เงินหมด...ทุกอย่างล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
กลับมานั่งถอดบทเรียน...เงียบและคิดหาทางออกว่าจะทำอะไรต่อไป
ปล.เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อครับ
สมุดเยี่ยม มาเยี่ยมเยือน ตามแบบคนกล้าคืนถิ่น
เมืองต้องห้าม แม่ฮ่องสอน.... ถามตัวเองกันสักครั้งในชีวิต มีโอกาสจะได้ไปจ.แม่ฮ่องสอน หรือได้ไปแล้ว ลองนับซิ ว่าไปมากี่ครั้ง หรือจะได้ไปอีกกี่ครั้ง โอ๋....คนกล้าคืนถิ่นชาวนครศรีธรรมราช ผู้ใช้ชีวิต เรียบง่าย แต่มากล้นด้วยอุดมการณ์ อุดมคติที่ดีงาม แบบคิดแล้วทำ ลอง ประสบการณ์ชีวิตกับการเป็นครู อาสาและขับเคลื่อนช่วยเหลือคนไทยชายขอบชนเผ่า ตั้งแต่ชาวมอแกนพังงา กลุ่มกระเหรี่ยง รัฐมอญที่กาญ จนถึงวันนี้ที่ ดอยไตแลง ไทยใหญ่ สมกับคำโบราณ ที่ว่าไว้ ลูกผู้ชายต้องโตนอกบ้าน แสดงถึงการเดินทางต่อสู้มากมาย เจนวิถีโลกหลากหลาย กับบุคลิกคนใต้เสื้อผ้าเนี๊ยบๆ สุภาพ พูดจาครับ ผม ไพเราะ พูดน้อยแต่ประโยคสนธนา ออกมาด้วย ความมั่นใจ ตั้งใจ เชื่อใจ ให้ใจ ถ้าใครที่เป็นเพื่อนผม เพื่อนเฟส เพื่อนๆคนกล้าคืนถิ่น หรือใครที่หัวใจเกษตรสีเขียว มีจิตดีต่อผู้อื่น ถ้าต้องไปแม่ฮ่อนสอนแล้ว นึกถึงใครไม่ออก *****อย่านึกถึงผม ให้นึกถึงชายผู้นี้ กับโฮมสเตย์ ง่ายๆ สบายๆ กิน นอน เยี่ยมชมเมือง แล้วพาไป จุดสำคัญของจ.แม่ฮ่องสอน แบบชนิด ข้าราชการ ในเมืองยังถามว่าพี่กอล์ฟ เข้าไปได้ยังงัย(ไปถูกต้องด้วย) เอาเป็นว่า จุดสวยๆ วิถีง่ายๆ ปางอุ๋ง หมู่บ้านรักษ์ไทย สะพานซูตองเป้ แช่โคลน ดอยไตแลงรัฐฉาน (ไทยใหญ่) หาเวลาชีวิตแบบไม่รีบสัก4-5 วัน แล้ว ลองล็อกตัวเอง หนาวนี่สักครั้งในชีวิต ที่แม่ฮ่องสอน แล้วจะบอกตัวเองว่า แม่งโคตรคุ้มที่มาสักครั้ง บอกเพื่อน ลูกหลานว่า ไปเมืองไทยให้ทั่วก็คุ้มแล้วชาตินี้ ****โฟสนี้มีรูปหน้าเฟสของคุณโอ๋ หาข้อมูลดูเอาเอง ส่วนใครสนใจหนาวนี้ อาจมี ทริป เอ้อระเหยเกิดขึ้น ติดตามกัน ใครใจร้อนไปได้เลยตามเฟสที่ให้ ****ขอบคุณจักกฤษ (โอ๋) มิตรสหายใหม่ที่ถูกบันทึก แล้วเจอกันอีกตลอดไปครับ
ไปมาแล้ว โอมสเตย์คนกล้าฯพลัดถิ่น จากใต้ไปเหนือ เอาให้สุดยอดเลยจริงๆ ใครไปแม่ฮ่องสอนไม่แวะทักทายถือว่าผิด พี่โอ๋มีกิจกรรมที่ทำร่วมกับอาสาทั้งไทยและต่างชาติ ทำเครื่อข่ายกับชุมชน เสมือนคนพื้นที่ ทั้งๆที่มาไกลจากแดนใต้ เป็นคนกล้ารุ่น 1 ที่ไม่ย่อท้อ และยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า มีโอกาสจะไปเยี่ยมเยียนอีกนะคะ ขอบคุณการต้อนรับและดูแลหนุและคณะทีมงานมากๆค่าาาา