คนกล้าคืนถิ่น

นิศาชล วิสัย

  • คนกล้ากรุงเทพมหานคร
  • เว็บไซต์ :
  • Facebook : NISA Skincare

วิถีชีวิตของคนแต่ละคนแตกต่างกัน เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งทาให้ความคิดแตกต่างไปจากเดิม การเข้าทางานในเมืองหลวงที่วุ่นวาย ที่ยิ่งทา…เหมือนไม่มีความสุข…ความรู้สึกโหยหา บรรยากาศที่เงียบสงบสุขในต่างจังหวัด มันช่างทาให้อยากกลับบ้าน อยากกลับไปพัฒนาถิ่นกาเนิดเหลือเกิน แต่เนื่องจากภาระหน้าที่ทาให้พวกเราจาเป็นที่ต้องทนอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะปลดปล่อยความรู้สึกโหยหาความสงบสุขแบบนี้ได้แต่ในที่สุดเราก็ตัดสินใจกล้าทาในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะกล้า…ทาให้เรารู้ว่า มันไม่ยากเกินไปถ้าเราจะหันกลับคืนถิ่นของเรา เราต้องรู้จักเตรียมตัว วางแผน มีความตั้งใจจริง อดทน ความร่วมมือร่วมใจกันของคนในครอบครัว ของชุมชน เราจะสามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงแน่นอน

นิศาชล วิสัยเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาสร้างเนื้อสร้างตัวในกรุงเทพมหานคร มาพร้อมกับความรู้ระดับปริญญาตรี ด้านการเงิน จากมหาวิทยาลัย ขอนแก่น เริ่มการทางานพร้อมภาระในการส่งเสียน้อง ๆถึง 4 คนเรียนหนังสือ ทาให้ชีวิตมีแต่การทางาน เป็นคนจริงจัง ตั้งใจทาจริง มีความซื่อสัตย์ ส่งผลให้ประสบความสาเร็จ ในหน้าที่การงาน ที่บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทจากัด (มหาชน) ในตาแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งได้ออกมาเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างกับสามี ทาให้ต้องทางานหนักกว่าเดิมเป็นอีกหลายเท่าตัว เพราะมีคนอยู่ในความรับผิดชอบหลายชีวิตชีวิต มีแต่งาน ไม่เคยมีวันหยุด ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน ไม่เคยมีเวลาส่วนตัว จากที่เรามาจากต่างจังหวัดมาแต่ตัวพร้อมภาระ ตอนนี้ เรามีบ้าน มีรถ มีเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างครบวงจร มีพนักงานและคนงานเป็นร้อย มีลูกที่กาลังกินกาลังนอนถึง 2 คน มีเงินซื้อที่ดินไว้หลายแปลง เราคิดว่าเรามีความสุขแล้ว แต่มันไม่ใช่การที่เราทางานหนักตลอดเวลาหลายปี ทาให้สุขภาพของเราย่าแย่ อาการย่าแย่ที่ว่าเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเราเป็นนิ้วล็อคระยะสุดท้าย…และมีอาการผมร่วงอย่างรุนแรง

ตอนนี้เราเริ่มเหนื่อย เริ่มท้อ เงินที่หามาได้ก็แบ่งบางส่วนมาใช้รักษาตัวเอง พยายามใช้ผลิตภัณฑ์หลายผลิตภัณฑ์ ผมก็ยังหลุดร่วงอยู่และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาการนิ้วล็อคที่เป็นอยู่ หมอบอกต้องผ่าอย่างเดียว เราไม่อยากผ่าตัด เรากลัว เราตกลงหันหลังให้หมอแผนปัจจุบัน หาวิธีรักษาเอง เราไปรักษากับแพทย์ทางเลือกอยู่หลายที่เป็นปี ๆ แต่ ไม่ดีขึ้น เริ่มได้คิดอกลล้ว

 

    
นกถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตก็ว่าได้ เราจึงมาศึกษาการทาแชมพูใช้เอง และ ศึกษาการนวด การกดจุด กัวซา การตอกเส้นเพื่อรักษาตัวเองจนอาการนิ้วล็อคที่เราเป็นอยู่ดีขึ้นตามลาดับซึ่งปัจจุบันไม่มีอาการแล้ว ส่วนผลิตภัณฑ์แชมพูเรามีการลองผิดลองถูก ทดลองทาตามเขาว่าดี หรือตามอินเตอร์เน็ต หลายต่อหลายครั้ง นับไม่ถ้วน แรก ๆ มีคนอาสาทดลองใช้ให้ หลังๆ ทุกคนขยาด เห็นหน้าไม่อยากสบตากลัวบอกให้เอาสินค้าไปใช้เราก็เริ่มรู้สึกว่าทรมานคนรอบข้างมากไป เลยตัดสินใจเข้าอบรมทาแชมพูและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยเน้นใช้วัตถุที่ได้จากธรรมชาติ ในหลายสถาบัน โดยใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองในสูตรต่างๆ ที่คิดพัฒนาขึ้นเอง (ไม่มีใครกล้าลองใช้แล้ว) ทาให้ผมเริ่มร่วงน้อยลงและมีผมงอกขึ้นใหม่

เมื่อทดลองจนเป็นที่พอใจจึงนาไปแจกจ่ายเพื่อนๆ ให้ช่วยทดลองใช้ ซึ่งกว่าจะยอมใช้เราต้องเอาหัวของเราเป็นประกัน ก็เขายังไม่ลืมบาดแผลที่เราเคยทากับเขาไว้ (ทากับเขาไว้เยอะ เนื่องจากเป็นคนขยัน ชอบทดลอง วัน ๆทาสารพัด) ซึ่งจากที่ต้องใช้หัวเป็นประกัน หลัง ๆ มาอ้อนวอนขอผลิตภัณฑ์ขอหลายต่อหลายครั้ง เริ่มไม่กล้าขอ เลยยุให้เราทาขาย
ทาให้เป็นจุดเริ่มในการทาผลิตภัณฑ์เพื่อจาหน่ายขึ้น ผลิตภัณฑ์ของเรา เราทาเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่คิดสูตร ซื้อวัตถุดิบ โดยวัตถุดิบบางส่วนเราเอามาจากสวนของเราเองในกรุงเทพ และที่นครราชสีมา ตัวใหนไม่มีก็ซื้อจากชาวบ้าน เราใส่ใจในการทาทุกขั้นตอน เราคิดอยู่เสมอว่าเราทาให้คนที่เรารักใช้ เราใส่ความตั้งใจ และความรักลงไปในทุกผลิตภัณฑ์ เราใส่ใจทุกรายละเอียด เราอยากให้ทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแล้วมีความสุข มีความปลอดภัย ห่างไกลจากสารเคมี จนหลายคนสงสัยว่าการทาแชมพูสมุนไพรของเราทาไมถึงมีขั้นตอนอะไรที่เยอะแยะเหลือเกิน ทาไมถึงต้องใช้เวลาในการทานานขนาดนั้น เราก็บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าเราอยากให้คนที่ใช้ประทับใจและเห็นผลไก้ลเคียงกับการใช้เคมี เพราะการใช้สมุนไพรมันไม่เหมือนการใช้เคมีการเห็นผลจะช้ากว่ามาก แต่จะยั่งยืนปลอดภัยกว่า เราไม่อยากให้คนอื่นเจอสภาพเหมือนที่เราเคยเป็น เราถึงต้องทาแชมพูเป็นชนิดเข้มข้น ใช้หลักการแบบที่เขาทายากัน ต้ม 3 ส่วน เอาแค่ 1ส่วน เราใช้ไฟอ่อน ๆ ค่อย ๆ ตุ๋นไปเรื่อยๆทาให้สรรพคุณทางยายังคงอยู่ และมีความเข้มข้น เราอยากให้ทุกๆคนที่ได้ใช้แล้วเห็นถึงความแตกต่างและรับรู้ถึงความปรารถนาดีของเรา

 
ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเรา ทาให้คนที่เรารักใช้ เราจึงพยายามศึกษาหาความรู้ เพิ่มในหลากหลายสถาบันเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งๆ ขึ้น เรามีการออกบูชเพื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งในและต่างประเทศ แต่การที่เราทา ซึ่งเป็นใครมาจากที่ใหนความน่าเชื่อถือจะน้อยกว่าบริษัทใหญ่ ๆ เราจึงพยายามหามาตรฐานต่างๆ มาเป็นข้อพิสูจน์ในตัวผลิตภัณฑ์ของเราว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีมาตรฐานปลอดภัย ถึงเราจะทาเองไม่มีเครื่องจักรทันสมัยเหมือนโรงงานใหญ่ ๆ แต่เราก็มีมาตรฐานรองรับหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น อ.ย. ฉลากเขียว และ มาตรฐาน มผช.


ปัจจุบันเรากาลังศึกษาหลักสูตรแพทย์แผนไทย ของมูลนิธิแพทย์แผนไทยพัฒนา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการนาความรู้มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสืบสานภูมิปัญญาของชนรุ่นหลังให้คงอยู่สืบไป