คนกล้าคืนถิ่น

สุรวุฒิ เพ็งป่าแต้ว

  • คนกล้าอุตรดิตถ์
  • เว็บไซต์ :
  • Facebook : เดี่ยว คนบ้านนอก / เพจ บ้านนอกสบายดี

เมื่อการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการอีกต่อไป คุณเดี่ยว ผู้มีพื้นเพครอบครัวเป็นเกษตรกรและมีความผูกพันกับการปลูกพืชผักมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลอันใดที่ควรฝืนใจทำงานที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง และตัดสินใจพาครอบครัวกลับถิ่นเกิดที่ อ.ห้วยกั้ง จ.อุตรดิตถ์ด้วยความตั้งใจว่าจะยกระดับการทำเกษตรกรรมของครอบครัวให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพิ่มมูลค่า และปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค รวมถึงคนในครอบครัวของคุณเดี่ยวเอง

ทว่า ความเคยชินของเกษตรกรรุ่นเก่าที่พึ่งพิง การใช้สารเคมีมาโดยตลอดกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้คนในชุมชนหันมาทำเกษตรแบบอินทรีย์แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขาเองก็ตามเพราะทุกคนล้วนไม่มั่นใจว่าหากเปลี่ยนวิธีแล้วจะได้ผลผลิตมากน้อยหรือดีกว่าเดิมอย่างไร ในระยะแรกเขาจึงต้องเริ่มต้นทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว

“คนส่วนใหญ่เขาก็จะมุ่งเป้าไปที่เกษตรกรเลย ไม่ค่อยมีใครมา แตะกับเด็กๆ เท่าไหร่ เราขอเป็นส่วนเล็กๆ ที่เริ่มเปลี่ยนแปลง จากเด็กได้ไหม?” คุณเดี่ยวกล่าวถึงความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวิถี เกษตรปลอดสารผ่านเด็กรุ่นใหม่ ทว่า การพาเด็กๆ ลงไร่นา กลับกลายเป็นความจำเจ และเมื่อถามถึงสิ่งที่เด็กอยากทำ คำตอบสั้นๆ ที่ไร้เดียงสาแต่มีความหมาย คือคำว่า “เล่นไงพี่” คุณเดี่ยวจึงลุกขึ้นมาสอนเตะฟุตบอลอย่างจริงจังจนนำไป สู่การฟอร์มทีมฟุตบอล เขาตั้งตนเป็นโค้ชฝึกสอนและนำทีม ‘ห้วยกั้ง FC’ ไปแข่งขันตามสนามต่างๆ แลกกับการที่เด็กๆ จะนำเวลาว่างมาเรียนรู้วิชาการเกษตรที่สวนของเขา

จากทีมเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก รู้แพ้มากกว่ารู้ชนะ ห้วยกั้ง FC ค่อยๆ พัฒนาฝีมือจนแกร่งกล้าและเติบโตสู่การเป็นแชมป์ ระดับจังหวัด ระดับภาค และกำลังดวลแข้งสู่ความเป็นหนึ่งใน ระดับประเทศ สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ก็ได้รับการยอมรับ ความ เอื้อเฟื้อ และสนับสนุนจากคนในชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ หมู่บ้าน ห้วยกั้งกลายเป็นสนามเหย้าที่สโมสรจากภายนอกแวะเวียน มาแข่งขัน ควบคู่กับงานมหรสพที่กลายเป็นกิจกรรมประจำปี มีเด็กๆ อาสาสร้างสรรค์กิจกรรม และมีชาวบ้านสนับสนุน คนละ 30-40 บาทตามกำลังทรัพย์ บ้างก็ให้ยืมเครื่องเสียง และอุปกรณ์ บ้างก็ปรุงอาหารมารับรองทั้งคนในหมู่บ้านและแขก จากข้างนอก ที่สำคัญ กิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลยังกลายเป็น พื้นที่สำคัญในการจำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชนที่แขกต่างเมือง ต้องแวะซื้อติดไม้ติดมือกลับไป สร้างรายได้แก่คนในหมู่บ้าน

ในขณะเดียวกัน คุณเดี่ยวก็ได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้จัดการมา เป็นที่ปรึกษาของสโมสรและกลุ่มเกษตรกรชุมชน ทุกคนมี ส่วนร่วมในการคิดหาวิถีทางพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น มีการแบ่งปันข้อมูลและทรัพยากรแก่กัน สมาชิกชุมชนคนใดมี ที่ดินและทำเกษตรกรรมเองไม่ไหวแล้วก็สามารถยกให้โครงการ ของคุณเดี่ยวช่วยจัดการด้วยหลัก 30:30:30:10 ของเกษตร ทฤษฎีใหม่ โดยรายได้ 30% แรกจะแบ่งสรรไปให้เจ้าของที่ดิน 30% จะเป็นทุนในการปลูกพืชผลโดยคนในชุมชน บนที่ดินผืนนั้น รายได้อีก 30% ก็จะเข้าสู่สโมสรห้วยกั้ง FC เพื่อใช้ส่งเสริม อนาคตของเยาวชนและจัดกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ของ ชุมชน และ 10% สุดท้ายจะเก็บออมไว้เพื่อโครงการในอนาคต

นอกจากนี้สิ่งสำคัญของการถ่ายทอดที่คุณเดี่ยวเล็งเห็น คือ การขับเคลื่อนร่วมกันกับคนรอบตัวเขาไม่ได้ยืนบนเวทีเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้แก่คนในชุมชนเพียงคนเดียว แต่ยังส่งต่อเวทีมอบความรู้แก่สมาชิกในครอบครัวตามความสนใจของแต่ละคน เช่น ถ่ายทอดความรู้เรื่องการแยกพันธุ์การเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวให้บุตรคนโตที่สนใจเรื่องเมล็ดพันธุ์ถ่ายทอดเรื่องการเพาะพันธุ์ปลาในนา การเพาะเลี้ยงไส้เดือนให้บุตรคนกลางที่สนใจเรื่องสัตว์อีกทั้งยังประกบภรรยาสอนวิธี บำรุงรักษาต้นไม้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง

จากการดูแลอย่างถูกและผิดวิธีในขณะที่พ่อแม่ของเขา ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับการทำเกษตรเคมีมาตลอดก็เริ่มชักจูงให้เกษตรกรรุ่นราวคราวเดียวกันทำตามหลังจากได้สัมผัสข้อดีของการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยตนเอง ทุกคนในครอบครัวจึงล้วนมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรรายอื่นในชุมชนทั้งสิ้น

ผลลัพธ์ของการถ่ายทอดดังกล่าว สร้างปราฏการณ์ใหม่ในชุมชนเมื่อพบว่าเด็กๆลงไร่นาแล้วไม่มีอาการคันกลับมาให้เห็นอย่างผิดคาด ผู้ปกครองที่เป็นเกษตรกรในชุมชนจึงเริ่มเปิดใจสวนของคุณเดี่ยวหรือฟาร์มแห่งความสุขชื่อ ‘บ้านนอกสบายดี’ เลยมีชีวิตชีวาคึกคักด้วยกลุ่มเด็กๆที่มาเรียนรู้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นภายในสวนแห่งนี้จึงไม่ได้มีไว้เพื่อขายแต่เพื่อเป็นแบบอย่างให้ แก่คนในพื้นที่สนใจมาเรียนรู้และยังเป็นกิจกรรมให้คนจากตัวเมืองที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ได้มาลองย่ำดิน ชิมรสของธรรมชาติ สร้างรายได้แก่ครอบครัวของคุณเดี่ยวจากการเก็บค่าเข้าชมกว่าวันละ 5,000 บาท ดีกว่าเด็ดผลผลิตที่เฝ้ารอมานานแสนนานขายทั้งสวนได้เพียง 2,000-3,000 บาท หลายเท่าตัว

การเติบโตตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันว่าแนวคิดของคุณเดี่ยวและชุมชนห้วยกั้งกำลังมาถูกทาง ข้าวอินทรีย์ของชุนชนสามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ 90-100 บาท สูงกว่าราคาข้าวในท้องตลาดที่ขายกิโลกรัมละ 30-40 บาท จนมีเกษตรกรในชุมชนแห่แหนมาฝากฝังที่ดินทำกินของตนให้ทุกคนได้ช่วยพัฒนาอย่างล้นหลาม ขณะที่สโมสรห้วยกั้งและอนาคตของเยาวชนในท้องถิ่นก็ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างยั่งยืน กลายเป็นแรงบันดาลใจและแบบอย่างที่หน่วยงานภายนอกเข้ามาขอศึกษาดูงานมากมาย

บทความจาก: บทเรียนพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาธุรกิจเกษตรของเกษตรกรรุ่นใหม่ - ทำเนียบคนกล้าคืนถิ่น โดยมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

มาเยี่ยมมาเยือน

สมุดเยี่ยม มาเยี่ยมเยือน ตามแบบคนกล้าคืนถิ่น

น้องเดี่ยวผู้เป็นนักกิจกรรมแต่นำมาประยุกต์ใช้กับรูปแบบการทำเกษตร สร้างรายได้ให้กับทุกคนในครอบครัวด้วยการจัดกิจกรรมทางการเกษตรในแปลงของตัวเองที่เป็นลักษณะเกษตรผสมผสานได้อย่างมีความสุข


ชื่นชม และติดตามผลงานครับ


ติดตามผลงานผ่านเฟส มานาน เจอกันครั้งแรกที่ไปร่วมถอดบทเรียนโมเดลคนกล้าฯ ที่กทม. และร่วมกิจกรรมออนไลน์ ในการอบรมกระบวนการคนกล้าคืนถิ่น ชอบวิถีคิดและการนำเสนอกิจกรรมเกี่ยวกับวิถีภูมิปัญญาครับ มีโอการอยากไปกินทุเรียนหลงลับแลครับ